วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทที่ 1 กำเนิดเทพกรีก ตามตำราฮีเสียด

ตามตำรา Hesiod เรื่องมันเริ่มตรงที่
เทพเจ้าที่ชื่อ Chaos (เคออส) แปลว่าความว่างเปล่า ก็อย่างชื่อบอกแหละว่างเปล่าจริงๆ ทั้งจักรวาลไม่มีอะไรเลย จากนั้นก็มี Gaia (กายยา หรือไกอา หรือจิอา) ซึ่งแปลว่าดิน, Tartarus  (ทอรทารัส) ซึ่งแปลว่านรก และ Eros (อีรอส) ซึ่งแปลว่าตัญหา เกิดขึ้นมา แล้ว Gaia ก็ให้กำเนิด Uranus (ยูเรนัส) ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องฟ้า โดยลำพัง แต่ตามคำรา Apollodorus แล้ว เรื่องมันเริ่มตรงที่ Gaia เลย แตกต่างกันนิดหน่อย ไม่มาก แล้ว Uranus ก็ ได้เป็นผู้ปกครองเทพเจ้าทั้งหมดเป็นคนแรก ต้องเข้าใจอีกนิดนะว่า เทพเจ้ากรีก ส่วนใหญ่จะเป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม ตัวอย่างก็เช่น เวลาพูดถึง Uranus ก็ให้คิดถึงท้องฟ้า ความกว้างใหญ่ที่แผ่ปกคลุมพื้นดิน
หรือ Eros ซึ่งเป็นความรู้สึก เป็นนามธรรม มีผลกับทุกสิ่งทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ เวลาอ่าน ก็ลองคิดตามไปด้วย จะคิดว่า Tartarus เป็นเทพเจ้าแห่งนรก เป็นผู้สร้างนรก หรือเป็นตัวนรกเองก็ได้
หรือจะคิดว่า Gaia ก็คือ พระแม่ธรณี จะนึกภาพเป็น เทพเจ้าแห่งพื้นดิน หรือเป็นตัวพื้นดินเอง ก็ได้เช่นกัน
จากนั้น Gaia และ Uranus ก็สมสู่กัน และให้กำเนิดลูกๆ มากมาย (อย่าตกใจนะว่า ก็แม่ลูกกันไม่ใช่เหรอ มันเป็นเรื่องของนิยายเชิงนามธรรม อ่านต่อไปเรื่อยๆ แล้วกัน) ลูกๆ ของ Gaia และ Uranus ก็แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นยักษ์ร้อยมือ ห้าสิบหัว มีสามคนด้วยกัน (ไม่รู้ว่าจะใช้ลักษณะนามอะไรดี ใช้ คน หมดเลยแล้วกัน) ชื่อ Briareus (ไบอาริอุส), Gyes (กายเอ็ส) และ Cottus (คอททัส)
กลุ่มที่สองเรียกว่า Cyclopes หรือยักษ์ตาเดียว ชื่อ Arges (อาเกส), Steropes (สเตอโรเปส) และ Brontes (บรอนเตส) ชื่อของสามคนนี้แปลว่า แสงสว่างจากฟ้า ฟ้าผ่า และ ฟ้าร้อง ตามลำดับ
ลูกทั้งหกคนนื้ ถูก Uranus จับโยนลงไปในนรกและขังไว้เพราะความเกลียดชัง จากนั้น Uranus และ Gaia ก็มีลูกสองกลุ่มถัดมา เรียกว่า Titans (ไททาน) ซึ่งเป็นชายหกคน และ Titanides        (ไททานไนด์) ซึ่งเป็นหญิงเจ็ดคน แต่บางทีก็ถูกเรียกเป็น Titans เหมือนกันหมด



เนื่องจาก Uranus หรือท้องฟ้าเนี่ย กลัวว่าลูกของตนจะมาแย่งชิงอำนาจ และตำแหน่งเทพแห่งเทพไป เมื่อ Gaia ให้กำเนิด Titans ออกมา Uranus ก็เอาไปขังไว้ใต้ดินทีละคน ทุกๆ คน
ตรงนี้ต้องคิดนิดหนึ่ง ไอ้ใต้ดินเนี่ย มันที่ไหน ก็ในเมื่อ Gaia คือพื้นดิน ใต้ดินก็น่าจะเป็นในตัว Gaia เอง พวก Titans ถูก Uranus ขังไว้ในท้อง Gaia เมื่อมากๆ เข้า Gaia ก็เจ็บปวดและทนไม่ไหว
จึงวางแผนที่จะให้ลูกๆ ในท้องทำร้ายพ่อ และหนีออกมา จึงสร้างเคียวขึ้นมา จากสิ่งที่เรียกว่า Adamant (เอา ชนะไม่ได้ เพราะไม่มีใครเอาชนะเวลาได้ เป็นอีกหนึ่งการตีความนามธรรมเป็นรูปธรรม) ซึ่งเชื่อว่าแข็งแรงที่สุด และนำไปให้ลูกๆ ในท้อง พร้อมกับบอกแผนการไป แต่เนื่องจากลูกทุกคนก็กลัวพ่อ จึงไม่มีใครกล้าทำตามแผนของ Gaia ยกเว้น Cronus (โครนัส) ซึ่งยอมที่จะช่วยแม่Cronus เป็นเทพแห่งเวลา หรือตัวเวลา นั่นเอง
เอาละ ตามแผนของ Gaia นั้น Cronus จะรอจนกว่า Uranus จะมาสมสู่กับ Gaia พอมาถึง
Cronus ซึ่งอยู่ในท้องก็จะต้องใช้มีดตัดอวัยวะเพศของ Uranus (ไม่ ต้องเสียว เป็นการตีความจากนามธรรม) แล้วพาพี่น้องหนีกันออกมา แน่นอน ว่าสำเร็จตามแผน ตั้งแต่นั้นมา ท้องฟ้าก็ไม่เคยสัมผัสพื้นดินอีกเลย(อีกนัยยะทางนามธรรมหนึ่ง ก็คือ เวลา ได้ทำให้ ท้องฟ้า แยกจาก แผ่นดิน)
เมื่อออกมาแล้ว Cronus ก็นำอวัยวะของพ่อไปทิ้งทะเล เมื่อตกโดนทะเล ก็มีฟองเกิดขึ้นมากมาย
และในท่ามกลางฟองนั้นก็มีเทพเจ้าอีกคนถือกำเนิดขึ้นมา คือ Aphrodite นั้นเอง (จริงๆ แล้ว ในภาษากรีก คำว่า Aprhodite แปลว่า เกิดจากฟอง) Aphrodite จึงเป็นเทพแห่งความรักและตัญหา (ฝ่ายหญิง จำได้ไหม Eros เป็นแบบเดียวกัน แต่ฝ่ายชาย) นี่ก็เป็นที่มาของภาพวาดชื่อดัง       Birth of Venus ของ ศิลปิน S&o Botticelli และคำภาษาอังกฤษ aphrodisiac ที่แปลว่า ยาปลุกอารมณ์ทางเพศ - -.. ทว่า มีข้อขัดแย้งนิดหน่อย ตรงนี้ ที่กล่าวมาเกี่ยวกับการเกิดของ Aphrodite เป็นไปตามที่ Hesiod เขียน แต่ตำรา Apollodorus นั้น Aphrodite เป็นลูกของ Zeus เกิดเรียบง่ายกว่าเยอะ ไม่หวือหว่าเท่า (ไว้เล่าถึง Zeus แล้วจะค่อยขยายต่อนะ)
เอาละ Cronus ก็พาพี่น้องออกกันมาได้สำเร็จ และกลายเป็นมหาเทพ
หลังจากแย่งชิงบัลลังค์จากพ่อได้ ดังที่ Uranus กลัว ก็ขึ้นครองบัลลังค์เป็นราชาแห่งเทพแทน
ตำราภายหลังเล่าต่ออีกนิดว่า Uranus ก็แช่ง Cronus ไว้ว่า จะหลานจะมาชิงบัลลังก์ เหมือนที่พ่อทำกับปู่ ทำให้ Uranus ระแวง และต่อไปจะนำไปสู่ตำนานกำเนิด มหาเทพ Zeus (ซูส หรือ เซอูส) ราชาแห่งเทพคนปัจจุบัน เรื่องราวของเทพองค์อื่นๆ จะขอเล่าในตอนหน้าถ้ามีโอกาสนะ...